ตอนที่ 11 : การเสียสละของมอร์เฟียส
หลังจากพานีโอไปพบกับออราเคิลแล้ว พวกเขาทั้งสี่คน มอร์เฟียส ทรินิตี ไซเฟอร์ และนีโอก็กลับมายังโรงแรม เพราะการทรยศของไซเฟอร์ที่ทิ้งโทรศัพท์ต่อสายไว้นั้นทำให้ เมตริกซ์ ตามรอยมาได้ และเข้าล้อมโรงแรมไว้ ทั้งหมดได้พยายามหนีออกมาทาง wet-wall แต่ตำรวจก็ตามมาเจอจนได้ ทำให้พวกเอเจนต์รู้ว่าพวกนีโออยู่ในกำแพง เอเจนต์คนหนึ่งสวมร่างตำรวจคนนั้นและล้วงมือทะลุกำแพง คว้าตัวนีโอไว้ได้ เห็นท่าไม่ดี มอร์เฟียสจึงพุ่งทะลุกำแพงเข้าหาเอเจนต์คนนั้นทันที ปรากฏว่าเป็นสมิธ ทั้งสองเข้าต่อสู้กันทันที
MORPHEUS: Trinity, you must get Neo out. Do you understand? He is all that matters.
ทรินิตีจำใจทำตามคำสั่งรีบพานีโอและคนอื่นๆ หนีออกมา ส่วนมอร์เฟียสไม่สามารถสู้ได้จึงทำได้แค่ถ่วงเวลาและถูกจับในที่สุด ระหว่างหนีไซเฟอร์แสร้งทำเป็นถูกจับและหายตัวไป
บทวิเคราะห์
หลายคนพูดว่ามอร์เฟียสเป็นตัวแทนของ “ศรัทธา” แต่ว่าพอดูจากตอนนี้แล้วจะเห็นว่าไม่ใช่ เพราะศรัทธาในทางพุทธนั้นต้องมีเหตุผล(อ่านจากโพสเก่าตามลิ้งค์ด้านล่าง) แต่นี่มอร์เฟียสไม่มีเหตุผลออราเคิลบอกก็เชื่อจึงไม่น่าจะใช่ศรัทธา ส่วนตัวผมนั้นคิดว่ามอร์เฟียสนั้นคือตัวแทนของ “ความฝัน” ต่างหาก เพราะมอร์เฟียสนั้นเป็นชื่อของเทพแห่งความฝันของกรีก แต่ไม่ใช่แบบว่า มอร์เฟียสชอบหลับแล้วฝันหรือฝันเอาลมๆ แล้งๆ ว่าคนโน้นคนนี้เป็นเป็นเดอะวัน แต่มอร์เฟียสคือผู้ที่สร้างหรือให้ความฝันแก่คนอื่น (ในที่นี้คือนีโอ) ความฝันที่ว่านี้ไม่ใช่แบบนอนหลับแล้วฝัน แต่เป็นความใฝ่ฝัน เป้าหมาย หรือที่เรียกว่าแรงบรรดาลใจนั่นเอง นีโอนั้นถึงแม้ว่าจะไม่เคยเชื่อว่าตนเองคือเดอะวัน และเพราะไม่เชื่อนั่นเองจึงไม่เป็น และภายหลังเมื่อเชื่อว่าเป็นได้แล้วจึงได้เป็น (อ่านเรื่อง Cogito ergo sum จากลิ้งค์) ชีวิตก็อาจจะเหมือนกันก็ได้ ตัวแปรความสำเร็จอาจจะอยู่ที่เรามีมอร์เฟียสในใจเราหรือไม่ เราลองเชื่อว่าตัวเองจะทำสำเร็จตามที่ตัวเองฝันได้แล้วลองพยายามดูกันมั้ย หรือว่าเราจะยังเชื่อแบบตามหลักเหตุผลว่าฉันคงทำไม่ได้และไม่ลองพยายามทำดูเลย
มาตามหามอร์เฟียสของเราให้เจอกันเถอะ
Links
https://korn4d.wordpress.com/2010/06/09/dont-assume-just-ask/
http://en.wikipedia.org/wiki/Cogito_ergo_sum