ตั้งแต่ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะเขียน 9 ตอน และตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย โดยจะเว้นพอประมาณเพื่อให้ทุกคนได้เล่นเกมนี้จนช่ำชองเสียก่อน แต่ทำไปทำมาก็ไม่ได้เขียน จนเวลาล่วงเลยมาเกือบ 9 เดือน มาเริ่มกันเลยละกันครับ
จากที่ทุกคนได้เล่น hayday มาพอสมควรคงจะสังเกตอะไรบางอย่างว่า เกมนี้ไม่ใช่เกมที่จะเล่นคนเดียวได้ง่าย ๆ เพราะของแต่ละอย่างนั้นใช้เวลาทำนานมาก ๆ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อผ่าน level กลาง ๆ ประมา 20-30 จะพบว่า ความก้าวหน้าช้าลงไปมาก แต่ต้องใช้เวลาแวะเวียนเข้ามาเล่น แทบจะทุก 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
และสิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะเห็นคือ จะมีของบางชนิดที่ต้องใช้ เช่น อุปกรณ์ upgrade barn และ silo จะขาดอันใดอันหนึ่ง และจำนวนของ slot ในร้านขายของที่จะมีจำกัด การมีเพื่อนใน list มาก จะทำให้ทุกอย่างง่าย ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยน ขอความช่วยเหลือ
เช่นถ้าสินค้าลงเรือไม่พออาจจะขอให้เพื่อนช่วย แต่ตอนหลังมี update ให้ช่วยกันได้แค่ 3 กล่องเท่านั้น การขอนอกรอบจึงเข้ามามีบทบาท
“เธอ ๆ มี cream เหลือมั้ย ชั้นต้องการอีก 11 อัน โอเค มีนะ วางขายเลย เดี๋ยวเข้าไปซื้อเลย”
ทำให้เราสามารถได้ของที่ต้องการมาส่งลงเรือได้ทันเวลา หรือการที่ barn เต็มแล้วต้องระบายของการ มีเพือนมาก ก็หมายถึง slot ขายของที่มากขึ้น และ จำนวนคนที่จะเข้ามาซื้อก็มาขึ้นตามไปด้วย
มีคำกล่าวจากผู้มีประสบการณ์ในการทำงานว่า
“Know Who สำคัญกว่า Know How”
เรื่องนี้เป็นความจริงที่สุด น่าเสียดายที่หลายคนดันไปเข้าใจว่า เป็นประโยคประชดประชันถึงเรื่องการเล่นเส้นสาย อาศัยพวกพ้องเพื่อ corruption แต่ความเป็นจริงแล้ว แม้เราจะสุจริต แต่การมี connection ที่ดีก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงาน
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลายคนลืมไป และคนใหม่ ๆ หลายคนก็พลาดที่จะเรียนรู้ทำให้ผลการทำงานไม่ดีเท่าที่ควร หลาย ๆ เรื่องในองค์กรนั้นไม่มีการ document ไว้เป็นกิจลักษณะ ต้องอาศัยความรู้จากผู้ที่อยู่มาก่อน ซึ่งก็อีกนั่นแหละที่ผู้ที่อยู่มาก่อนแต่ละคนก็จะรู้เป็นส่วน ๆ ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ส่งนี้เองที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้ามามีบทบาทมาก ในการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ เพราะมีคนที่รู้ในส่วนย่อย ๆ แต่ละส่วนมากมายเต็มไปหมด คนที่จะประสบความสำเร็จได้ ก็คือคนที่รู้จักคนเหล่านี้และสามารถ เชื่อมโยงความรู้ย่อย ๆ เหล่านั้นเข้าด้วยกัน และเกิดประโยชน์ในการทำงานได้