คนฉลาดกับคนโง่นั้นความจริงมีชีวิตไม่แตกต่างกัน มีเรื่องดีและไม่ดีปะปนกันเหมือนๆ กัน แต่คนฉลาดกลับมีความสุขกว่าเพราะเหตุใด
เมื่อเจอเรื่องแย่ๆ นั้น ทุกคนคงคิดว่าทั้งคนฉลาดและคนโง่ ก็คงจะต้องมีความรู้สึกทุกข์เหมือนๆ กัน แต่ความจริงแล้ว คนฉลาดจะไม่ได้มองแบบนั้น พวกเขารู้ว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้ คนเรานั้นไม่สามารถเรียนรู้จากเรื่องดีๆ ได้หรอก แต่แย่ ต้องผิดพลาดจึงจะเรียนรู้ได้ ตัวอย่างเช่น สมมติไปซื้อกางเกงยีนส์มาเหมือนกัน แต่พอซื้อมาแล่้วก็ไม่ถูกใจเหมือนกัน คนฉลาดจะบอกว่า เป็นบทเรียนที่ดี ราคาไม่แพงเลย ไปลงคอร์สเรียนแพงกว่านี้ยังไม่รู้ว่าจะเข้าใจแฟชั่นใหม่นี้ได้เหมือนกับซื้อมาแล้วไม่ถูกใจครั้งนี้หรือเปล่า เป็นกำไร ส่วนคนโง่ก็ตีโพยตีพายไปตามระเบียบ สุดท้ายบางครั้งสบถด่าคนขายด้วยซ้ำไป
ส่วนเมื่อเจอเรื่องดีๆ ทุกคนคงคิดว่า ทั้งสองคงจะรู้สึก happy เหมือนๆ กัน ความจริงแล้ว คนฉลาดเท่านั้นที่จะ happy เพราะบอกตัวเองว่า ครั้งนี้ทำได้ถือเป็นกำไร มีความสุข ส่วนคนโง่ กลับหวนคิดแต่เรื่องดีๆ นั้น แล้วบอกตัวเองว่า ความจริงน่าจะดีกว่านี้ ไม่น่าเลย แล้วก็ทุกข์ใจไปเอง ตัวอย่างเช่น เอาเรื่องซื้อกางเกงแบบเดิม แต่พอครั้งนี้ซื้อมาแล้วถูกใจ คนฉลาด บอกกับตัวเองว่า โชคดีจริงๆ ที่ตัดสินใจซื้อมา ส่วนคนโง่กลับคิดว่า แหม ไม่น่าเลย น่าจะซื้อมาหลายๆ ตัวหน่อย เสร็จแล้วก็นั่งบ่นกับตัวเองไป ทุกข์ใจไป
สรุป คนฉลาดไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็สุขใจ ส่วนคนโง่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ทุกข์ใจอยู่ดี น่าเศร้าจริงๆ
นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่า อวิชชา