เคยเห็นไหม ที่ยอดนักบริหารจัดการได้ทุกเรื่องแต่มาตกม้าตายเมื่อต้องจัดการเรื่องในบ้านตัวเอง แพทย์ผ่าตัดมือหนึ่งไม่กล้าผ่าตัดลูกตัวเอง ที่ปรึกษามือหนึ่งให้คำปรึกษาภรรยาตัวเองไม่ได้ ทั้งหมดมากจากคำๆ เดียว คือ “กู”
คนเรานั้นแม้จะมีความสามารถเพียงใด แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “ตัวกู” “ของกู” แล้วกลับประสบปัญหา ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองให้เยือกเย็นเป็นปกติได้ นี่เองที่ทำให้ ผู้มีความสามารถ กลายเป็นไร้ความสามารถ ไปสิ้น
ผมมักเห็นคนฉลาดคนเก่ง กลายเป็นไม่เก่ง หรือฉลาดน้อยลง เพียงเพราะ ตกหลุมพรางอันนี้ ไม่ว่าจะเป็นในห้องประชุม ที่บางคนนั่งถกเถียงเอาชนะเพียงเพราะนั่นเป็นไอเดีย”กู” หรือ โปรแกรมเมอร์ที่เก่งกาจนั่งทุ่มเถียงเอาชนะกับเรื่องเขียนโค้ดแบบไหนดีกว่ากัน เพราะนั่นเป็นโค้ดที่”กู”เขียน
วิธีเอาชนะอาการ “กู” นี้ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก วิธีนั้นเรียบง่ายมาก คือ อย่ามี “กู” ซะก็จบ แค่จินตนาการหลอกตัวเองว่า นี่ไม่ใช่ “กู” หรือ “ของกู” เสีย ก็จะกลับมาเยือกเย็นดังเดิม โปรแกรมเมอร์ชั้นเทพพอคิดซะว่า โค้ดใครก็ไม่รู้ โปรเจ็คแมเนเจอร์ที่คิดเสียว่า นี่โปรเจ็คคนอื่น หรือ อาร์คิเทคที่คิดว่า นี่ design คนอื่นนะ แค่คิดว่า นี่ไม่ใช่ของตัวเอง ถ้าหลอกตัวเองสำเร็จ แม้เพียงน้อยนิด ก็จะได้ความฉลาดกลับคืนมาแล้ว
ขอแค่เราฉลาดเป็นปกติได้ เราก็ไม่โง่แล้ว