หยิบตำรามาหาเรื่อง “สมภารกวาดลานวัด” พลิกไปพลิกมาอยู่หลายเล่มก็ไม่พบเรื่องที่ต้องการ สายตาเหลือบไปเห็น บทหนึ่งของหนังสืออีกเล่ม รู้สึกสะดุด จนต้องเอามา blog วันนี้ ชื่อเรื่องว่า “คำหวาน” ซึ่งเป็นบทหนึ่งในหนังสือคลาสสิค ที่ชื่อว่า “เต๋าแต้มสี” โดยท่านละเอียด ศิลาน้อย ขออนุญาตตัดตอนมาให้อ่านกัน ดังนี้
…มีข้าราชบริพารของพระราชาซวนแห่งแคว้นฉีคนหนึ่งชื่อโจวจี้ เช้าวันหนึ่งเขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เอากระจกมาส่องดูรูปโฉมพลาง ถามภรรยาว่า “น้องดูซิ พี่กับท่านซวีที่อยู่ทางเหนือเมือง ในความเห็นของเธอ ใครหล่อกว่ากัน?”
พี่หล่อกว่าเป็นกอง ท่านซวีที่ไหนจะมาเปรียบกับพี่ได้” ภรรยาของเขาตอบ
ท่านซวีเป็นชายงานคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านความงานลือชื่อไปทั่วเมือง โจวจี้เองก็ไม่เชื่อว่าตนจะหล่อไปกว่าท่านซวี จึงไปถามภรรยาน้อยอีกว่า “เธอดูซิ ในความเห็นของเธอ ฉันกับท่านซวี ใครหล่อกว่ากัน?”
ภรรยาน้อยก็ตอบในทำนองเดียวกัน “ท่านซวีจะหล่อสู้พี่ได้อย่างไร!”
หลังจากนั้น มีแขกคนหนึ่งเดินทางมาเยี่ยมโจวจี้ โจวจี้ก็ถามแขกเรื่องนี้อีก
แขกตอบว่า “ท่านหล่อกว่าท่านซวีเป็นไหน ๆ”
วันรุ่งขึ้น ท่านซวีได้แวะมาเยี่ยมโจวจี้ โจวจี้เพ่งพินิจดูท่านซวีอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังรู้สึกว่าท่านซวีหล่อกว่าอยู่นั่นเอง เขาลอบไปส่องกระจกดูแล้วก็ยิ่งแน่ใจว่าเขาหล่อสู้ท่านซวีไม่ได้เลย
คืนวันนั้นโจวจี้นอนคิดทบทวนอยู่ไปมา ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า
“เมียหลวงชมว่าเราหล่อก็เพราะมีความรักในเรา จึงลำเอียงมาทางเรา เมียน้อยเยินยอว่าเราหล่อก็เพราะเธอเกรงกลัวเรา แขกผู้นั้นสอพลอว่าเราหล่อก็เพราะต้องการความช่วยเหลือบางอย่างจากเรา ยากจริง ๆ ที่จะได้ยินคำวิจารณ์อันสอดคล้องกับความเป็นจริง!”
ดังนั้นจงพูดคำหวานเสมอ ๆ
และจงไตร่ตรองเสมอเมื่อได้ฟังคำหวาน!